MARKETING TIPS
เดินเกมธุรกิจตามกระแสรักษ์โลก เมื่อคนไทยยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
Published
8 เดือน agoon

เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดไฟป่าถึงสามปีติดกัน และส่งผลให้สภาพอากาศเป็นพิษ จนนำไปสู่วิกฤต PM2.5 ปกคลุมทั่วเมือง โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ที่ทั้งจังหวัดแทบจะเหมือนใส่ฟิลเตอร์สีเทา สิ่งเหล่านี้เป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอันเป็นผลกระทบจากการปล่อยก๊าซที่สร้างมลพิษขึ้นสู่ชั่นบรรยากาศ

รายงานสถานการณ์การจัดการขยะในไทย
ก่อนหน้านี้กรมควบคุมมลพิษได้รายงานสถานการณ์การจัดการขยะในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2559-2563 ไว้ดังนี้
ปริมาณขยะชุมชนในแต่ละปี
- ปี 2559 จำนวน 27.06 ล้านตัน
- ปี 2560 จำนวน 27.37 ล้านตัน
- ปี 2561 จำนวน 27.93 ล้านตัน
- ปี 2562 จำนวน 28.71 ล้านตัน
- ปี 2563 จำนวน 27.35 ล้านตัน
จำนวนขยะที่นำกลับมาใช้ประโยชน์ได้
- ปี 2559 จำนวน 5.81 ล้านตัน
- ปี 2560 จำนวน 8.51 ล้านตัน
- ปี 2561 จำนวน 9.76 ล้านตัน
- ปี 2562 จำนวน 12.52 ล้านตัน
- ปี 2563 จำนวน 11.93 ล้านตัน

ขยะที่กำจัดถูกต้อง
- ปี 2559 จำนวน 9.57 ล้านตัน
- ปี 2560 จำนวน 11.69 ล้านตัน
- ปี 2561 จำนวน 10.85 ล้านตัน
- ปี 2562 จำนวน 9.81 ล้านตัน
- ปี 2563 จำนวน 11.19 ล้านตัน
ขยะที่กำจัดไม่ถูกต้อง
- ปี 2559 จำนวน 11.68 ล้านตัน
- ปี 2560 จำนวน 7.17 ล้านตัน
- ปี 2561 จำนวน 7.32 ล้านตัน
- ปี 2562 จำนวน 6.38 ล้านตัน
- ปี 2563 จำนวน 4.23 ล้านตัน
ปริมาณขยะต่อคนต่อวัน
- ปี 2559 จำนวน 1.13 กิโลกรัม
- ปี 2560 จำนวน 1.14 กิโลกรัม
- ปี 2561 จำนวน 1.15 กิโลกรัม
- ปี 2562 จำนวน 1.18 กิโลกรัม

ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่นำมาสู่การบ่มเพาะขยะมูลฝอยในประเทศไทย และยังสร้างมลพิษให้กับท้องถิ่นที่ใกล้เคียงซึ่งประสบปัญหาบ่อขยะขนาดยักษ์ เหตุเหล่านี้ชวนให้ประชาชนเริ่มหันมาตระหนักถึงการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมและมุมมองของผู้บริโภค เพื่อศึกษาทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้ารักษ์โลก เพื่อที่หลายแบรนด์จะได้เตรียมสร้างธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
จากผลการสำรวจ พบว่ามีผู้ที่มองเห็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตปรำจำวันกว่า 50% ของผู้ที่ทำแบบสอบถาม โดยมองว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 ของเสีย และขยะมีผลกระทบต่อสุขภาพ นำไปสู่ภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพที่เพิ่มขึ้น

ผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 20% เพื่อสินค้ารักษ์โลก
และจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่อาจช่วยลดการสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การพกถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก ตลอดจนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่กว่า 55% มีความเต็มใจจ่ายเพิ่มขึ้นถึง 20% จากราคาสินค้าปกติ และอีก 20% ของผู้ตอบแบบสำรวจยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นถึง 40% จากราคาปกติ
จึงสรุปได้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความเต็มใจจ่ายเพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ยินดีจ่ายให้กับสินค้าและบริการที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงต้องคำนึงถึงราคาขายที่ไม่สูงจนเกินไป ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้บริโภคมีกำลังที่สามารถจับจ่ายได้ และต้องมีการจูงใจทางการขายที่น่าสนใจ ทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นว่าสินค้านั้นสามารถแก้ปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมได้จริง ในราคาที่คุ้มค่า และมีคุณภาพในการใช้งานอย่างแท้จริง
Brand ดังออกแคมเปญเพื่อลุยการตลาดเทรนด์รักษ์โลก
ซึ่งหลายแบรนด์ก็ได้เริ่มทำแคมเปญสินค้ารักษ์โลก และมีแพลนที่จะทำในอนาคตกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้าน Circular Shop จาก IKEA ที่รับซื้อและขายสินค้ามือสอง, การสร้าง Ecosystem จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จาก LG, แผนเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่จาก Crocs ที่ใช้วัสดุ bio-based หรือ พลาสติกที่ทำมาจากพืช เป็นต้น
อ้างอิง 1 : https://www.bangkokbiznews.com/social/947912
อ้างอิง2 : https://brandinside.asia/kresearch-consumer-pay-more-20-for-environment/



You may like
เปิดเบื้องหลังกลยุทธ์การตลาดกระจายสินค้าพรีเมียมให้แมส ของช็อกโกแลต Godiva
แบรนด์กับการแสดงจุดยืน เพราะแค่ขายของอย่างเดียวมันไม่พอ
สรุป 5 เทรนด์พฤติกรรมแต่ละ Gen เลือกเสพสื่อบันเทิงปี 2022 ที่ควรรู้
10 ไอเดียทำ VDO Content ลง IG ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มขึ้น
4 เสาหลักสำคัญ ของการทำ Customer Retention
คาดการณ์จากนักวิเคราะห์ Gartner : หาก Netflix มีโฆษณา
MARKETING TIPS
เปิดเบื้องหลังกลยุทธ์การตลาดกระจายสินค้าพรีเมียมให้แมส ของช็อกโกแลต Godiva
Published
2 สัปดาห์ agoon
15 พฤษภาคม 2022By
Fai Kunlada
เป็นที่รู้กันดีทั่วโลกว่า ช็อกโกแลตพรีเมียมยี่ห้อ Godiva นั้นเป็นช็อกโกแลตสุดพรีเมียมในสายตาของใครหลาย ๆ คน ทั้งในผู้ใหญ่และรวมถึงเหล่าคนอายุน้อยด้วย ซึ่งในต่างประเทศ ช็อกโกแลต Godiva นี้มักจะถูกนำไปให้เป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่ในเทศกาลพิเศษ ๆ อย่างคริสต์มาส เพราะด้วยราคา Box set ที่สูง เริ่มต้นที่ $200 ทำให้ Godiva ไม่ได้เป็นช็อกโกแลตที่สามารถบริโภคได้ปกติทุกวัน
เมื่อปี 2020 ช่วงที่โควิดเข้ามาถล่มเศรษฐกิจและตลาดในหลายอุตสาหกรรม Godiva ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของพิษเศรษฐกิจในครั้งนั้น ทำให้ต้องปิดตัว Godiva Boutique ไปกว่า 128 ในโซนอเมริกาเหนือ จึงทำให้ต้องเปิดไลน์ไอศกรีมเพิ่ม และเปลี่ยนแพ็คเกจสินค้า, ราคาให้ผู้คนจับต้องได้ง่ายมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขาย และผลลัพธ์นั้นก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
ในแคมเปญปัจจุบัน Godiva มีความตั้งใจให้ผู้บริโภคอายุน้อยเข้าถึงช็อกโกแลตพรีเมียมของพวกเขาได้มากขึ้น สโลแกน “Godiva is Chocolate” จึงเกิดขึ้นมา เพื่อให้ผู้บริโภคได้นำช็อกโกแลตยี่ห้อนี้เข้ามาอยู่ในกิจกรรมชีวิตประจำวันกันมากขึ้น
โฆษณาเพื่อให้เห็นภาพการใช้ในชีวิตประจำวัน
จากการร่วมงานกับครีเอทีฟเอเจนซี TracyLocke ที่ผลิตโฆษณาออกมานำเสนอการนำช็อกโกแลต Godiva เข้ามาอยู่ในกิจวัตรที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้ Nurtac Afridi CEO ปัจจุบันของ Godiva พอใจมากที่สามารถนำเสนอ Message เหล่านี้ไปยัง Audience ที่กว้างขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวแอดที่นำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวที่รอทานข้าววันเกิดกับเพื่อน แต่ก็อดใจไม่ไหวกับช็อกโกแลต Godiva ที่ตั้งใจนำมาให้เป็นของขวัญเพื่อน จนต้องเปลี่ยนแพลนเอาหนังสือที่พกมาอ่านรอเพื่อให้เป็นของขวัญแทน หรือในอีกหลาย ๆ Scenario ที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่เป็นสถานการณ์ในช่วงเทศกาลเท่านั้น

รวมไปถึงการดึงตัว Chris Evans หรือกัปตันอเมริกามาเป็น Brand’ s Voice Ambassador ฉีกกฎการโฆษณาช็อกโกแลตพรีเมียมโดยการใช้เสียงพากย์ผู้ชายที่ดูเป็นธรรมชาติ ให้ฟีลความเป็นกันเองของแบรนด์ High-end และดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น
ถึงแม้จะแมส แต่ก็ยังคงความ High-end เอาไว้
CEO Afridi อธิบายว่าการขยายฐานลูกค้าในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการดึง Position ของแบรนด์ที่อยู่ในระดับ High-end ลงมาให้ต่ำลง เพราะแพลตฟอร์มในการขายของขวัญพรีเมียมยังคงมีอยู่ ซึ่งโจทย์ข้อนี้ก็เป็นความท้าทายอยู่เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้ว ผู้บริโภคที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะเลือกให้ช็อกโกแลต Godiva เป็นของขวัญวันคริสต์มาส เพราะในสายตาของพวกเขา ช็อกโกแลตยี่ห้อนี้ Represent ถึงความหรูหรา อารมณ์เหมือนกระเช้าราคาแพงที่บ้านเรามักจะมอบให้ผู้ใหญ่ตามเทศกาลสำคัญ ๆ ค่ะ ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้บริโภคนี้ Godiva จะถูกเอาขึ้นหิ้งเกินกว่าที่จะเป็นช็อกโกแลตทั่วไป
ในขณะเดียวกัน ความคิดของผู้บริโภครุ่นหลังหรือมีอายุน้อยลงมาก็คิดว่า Godiva คือสิ่งที่แพง และมีค่า ถึงแม้กระทั่งคิดว่า บางทีฉันคงไม่คู่ควรที่จะกินมัน ก็มี แต่เมื่อได้เปลี่ยนแพ็คเกจ ลดราคา และวางขายตามห้างค้าปลีกทั่วไปดูแล้ว ผู้บริโภคกลุ่มอายุน้อยก็กล้าซื้อช็อกโกแลตมากขึ้นนอกเหนือจากเทศกาลสำคัญ ลดหลั่นมาเป็นโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด หรือของขวัญขอบคุณ
ทุ่มงบโฆษณาเป็น 2 เท่า ลง Omnichannel
ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาว่า Godiva ใช้เม็ดเงินในการโฆษณาไปเท่าไหร่ แต่ CEO ได้ออกมาบอกว่าในกลยุทธ์ครั้งนี้ พวกเขาได้ทุ่มงบเป็นสองเท่าในปี 2022 นี้ โดยโฆษณา Godiva is Chocolate จะถูกปล่อยไปทั่วโลกในพื้นที่สหรัฐ, แคนนาดา, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และจีน รวมไปถึงการเดบิวต์ของแบรนด์บน TikTok เนื่องด้วยการให้ความสำคัญบนช่องทางโซเชียลเป็นหลักนั่นเอง
และแพลนของการวางสื่อ Out-of-Home ในพื้นที่สหรัฐนั้นจะใช้ Digital billboard บน Times Square รวมไปถึงป้ายบิลบอร์ดธรรมดา
แต่อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Godiva ในช่วง 52 วีคที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นเกือบ 3 เท่าของการวางขายในห้างค้าปลีกแบบปกติเลยทีเดียว
อ้างอิง : AdAge
MARKETING TIPS
แบรนด์กับการแสดงจุดยืน เพราะแค่ขายของอย่างเดียวมันไม่พอ
Published
3 สัปดาห์ agoon
8 พฤษภาคม 2022By
Fai Kunlada
หากเปรียบเทียบไปถึงในสมัยก่อนที่มุกเสี่ยว #ความรักก็เช่นกัน นั้นฮิตมาก มีอยู่ทุกที่ และถูกนำมาโยงเข้ากับทุกอย่างที่นักผลิตคอนเทนต์ (ทั้งคนทั่วไปและมืออาชีพ) ใช้ปล่อยเพื่ออิงกระแสไป สมัยนี้คงกลายมาเป็น #การเมืองก็เช่นกัน เพราะสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงในปัจจุบัน ยิ่งทำให้คนมีความอ่อนไหว และความคาดหวังมากขึ้น ส่งผลให้สิ่งรอบตัวที่เกี่ยวข้องกับพวกเขานั้นต้อง Resonance ไปกับความคิดและความเชื่อพวกเขาด้วยนั่นเอง ดังนั้นการแสดงจุดยืนของแบรนด์ (Brand positioning) ในทางการเมืองจึงเป็นอีกหนึ่งความกดดันที่ทำให้แบรนด์นั้นต้องหันมาเลือกข้างเพื่อรักษาลูกค้าเอาไว้
แค่อยากขายของเฉย ๆ ไม่ต้องยุ่งการเมืองไม่ได้หรอ

จากผลสำรวจของบริษัท Sprout Social บริษัทวิเคราะห์สื่อโซเชียลมีเดียและสังคมออนไลน์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คนในปี 2018 บนหัวข้อเรื่อง การแสดงจุดยืนเกี่ยวกับประเด็นสังคมและการเมืองของแบรนด์ และพบว่า
- ผู้บริโภคกว่า 66% ต้องการให้แบรนด์แสดงจุดยืนทางการเมืองและปัญหาสังคม
- 58% อยากให้แบรนด์ใช้ ‘ช่องทางโซเชียล’ ในการแสดงออกทางจุดยืนทางการเมือง
นอกจากนี้ยังพบว่า แบรนด์ที่ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองนั้นทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกดีด้วยและมีเอนเกจที่ดีต่อแบรนด์
นอกจากนี้การแบ่งแยก หรือแสดงจุดยืนนั้นก็มีการเริ่มต้นมาจากแบรนด์ด้วยนั่นเองค่ะ เพราะเมื่อแบรนด์ได้ทำ Persona ออกมา ก็มักจะมีเรื่องความเชื่อ, ไลฟ์สไตล์ มากมายมาเกี่ยวข้อง ทำให้ภาพลักษณ์ที่แบรนด์นำเสนอออกไป เป็นการคัดเลือกกลุ่มลูกค้าเข้ามาด้วยนั่นเอง อย่างเช่น ลูกค้าที่เลือกสวมเสื้อผ้าแบรนด์ Chanel นั้นจะมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากลูกค้าที่เลือกสวมเสื้อผ้าของแบรนด์ Celine อยู่แล้วค่ะ
ดังนั้น ถึงแม้จนแล้วจนรอดยังไง แรงกดดันของผู้บริโภคที่มีต่อการแสดงจุดยืนของแบรนด์ก็จะบีบบังคับให้แบรนด์ออกมาเทคแอคชัน และแสดงจุดยืนทางการเมืองในที่สุดค่ะ หากทางแบรนด์คิดว่าการเพิกเฉยคือทางออก ทางเลือกนี้อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผลกระทบที่จะเกิดตามมาสักเท่าไหร่
วิธีแสดงจุดยืนยังไงให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด
ก่อนอื่นเราลองมาทำความรู้จักกับ Brand democracy และ Brand activism กันค่ะ
Brand democracy คือ การเลือกข้างที่แท้จริงค่ะ อย่างเช่น แบรนด์นี้จะเลือกอยู่ฝ่ายเสรีนิยม หรืออนุรักษ์นิยม กล่าวคือเป็นการแสดงอุดมการณ์ทางการเมืองของแบรนด์ออกมาอย่างชัดเจนเลย แล้วให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสิน เลือกที่จะสนับสนุนเราต่อไปไหมค่ะ
Brand activism เป็นเหมือนการขับเคลื่อนสิทธิ และสังคมที่ให้เป็นสถานที่ที่น่าอยู่มากขึ้น มากกว่าการเลือกแบ่งฝ่ายทางการเมืองอย่างชัดเจนค่ะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในบ้านเราเลยก็คือแบรนด์แสนสิริค่ะ ที่ได้ออกแคมเปญสนับสนุนเรื่อง LGBTQ ทั้งกับพนักงานของตัวเอง และนโยบายการปล่อยสินเชื่อกู้ร่วมสำหรับคู่รักเพศเดียวกันค่ะ

เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์แล้วล่ะค่ะว่า ณ ตอนนี้สถานการณ์ของเราเหมาะที่จะเลือกแสดงจุดยืนในแบบไหน
สุดท้ายนี้ เรื่องการเมืองสมัยนี้ไม่ใช่เพียงแค่พรรคพวกอย่างเดียวแล้ว เพราะผู้บริโภคจะมองลึกลงไปถึงสิทธิและรูปร่างหน้าตาความเป็นอยู่ หรือมองกันหลายมิติกันมากขึ้น ยกตัวอย่างกรณีของลาซาด้าที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตัวละครในคอนเทนต์นั้นจะมีการล้อเลียน แต่หากเป็นเรื่องของโรคและความเจ็บป่วยที่ถูกหยิบยกมาเมคฟันด้วยนั้น ถึงแม้จะเป็นฝั่งตรงข้าม แต่ผู้คนก็ต่างสร้างกระแสลบตีกลับ ไม่ได้บันเทิงหรือเห็นด้วยค่ะ ดังนั้น ‘จุดยินทางการเมือง’ นั้นจะตีความแบน ๆ เหมือนในอดีตไม่ได้อีกแล้ว เป็นอีกสิ่งที่แบรนด์จะต้องคิดให้รอบคอบหลายมิติกันมากขึ้นค่ะ
อ้างอิงข้อมูล : การตลาดวันละตอน, Brand Inside, workpointTODAY
MARKETING TIPS
สรุป 5 เทรนด์พฤติกรรมแต่ละ Gen เลือกเสพสื่อบันเทิงปี 2022 ที่ควรรู้
Published
3 สัปดาห์ agoon
5 พฤษภาคม 2022By
Thanakarn
ปฏิเสธไม่ได้ว่า..พฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละ Gen ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้นักตลาดจำเป็นต้องศึกษาและเรียนรู้ทำความเข้าใจพฤติกรรมแต่ละ Gen อย่างลึกซึ้ง เพื่อเตรียมปรับแผนให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนเปลี่ยนไปหลังจากเจอวิตกฤตการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 นานหลายปี ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดการเรียนรู้และปรับตัวรับมือต่อสถานการณ์อยู่เสมอ ดังนั้นสื่อออนไลน์จึงเป็นศูนย์บรรเทาความเครียดจากการทำงานและอื่นๆ
ลองมาดูกันสิว่า…จากการรายงานของ GWI ได้สรุปเทรนด์การเสพ สื่อบันเทิง ของแต่ละ Gen เป็นอย่างไรบ้าง

TV online
เรียกได้ว่าในปี 2022 “ทีวีออนไลน์” กลายเป็นสื่อเคลื่อนที่เข้าถึงง่ายที่สุดในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา กับการก้าวหน้าของโลกดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ทำให้การเติบโตของทีวีออนไลน์เพิ่มขึ้น และทีวีออกอากาศลดน้อยลงอย่างสิ้นเชิง
โดยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ Nexflix หรือ Disney กำลังมองหาช่องทางขยายฐานลูกค้าใหม่อยู่เสมอ ด้วยการเปิดให้ผู้บริโภคสมัครสมาชิกที่เต็มใจจ่าย พร้อมเสิร์ฟเนื้อหาที่ผู้บริโภคสามารถเลือกเสพได้หลากหลายกว่าทีวีออกอากาศ

Tiktok Video
Tiktok เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดสามารถเข้าถึงได้ทุก Generations ทั่วโลก โดยอัตรากลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในปี 2021 ได้แก่ Baby Boomer กว่า 92%
ซึ่งปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจเนื้อหาวิดีโอมากกว่าการเสพคอนเทนต์แบบ Text ทำให้ในหลายๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Instagram หรือ Facebook หันมาพัฒนารูปแบบวิดีโอสั้น และเพิ่มลูกเล่นฟีเจอร์เอฟเฟกต์ต่างๆ เพื่อสร้างรูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายของเหล่านักตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

Streaming
จากการรายงานของ Spotify เผยว่า กว่า 40% ของรายได้โฆษณาปี 2021 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 เป็น 15% ของรายได้รวม โดยกลุ่ม Baby Boommer นิยมฟังเพลงบนวิทยุเฉลี่ยละ 1 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการฟังเพลงบนสตรีมเพียง 40 นาทีเท่านั้น ตัดภาพมาที่ Gen Z ใช้เวลาฟังเพลงบนสตรีมเกือบ 2 ชั่วโมง และ ฟังเพลงบนวิทยุ เฉลี่ย 46 นาที เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อัตราผู้ฟังเพลงบนสตรีมเพลงเพิ่มขึ้น 13% ต่อสัปดาห์ เป็นการเปิดฟังระหว่างทำงาน ระหว่างทำการบ้าน หรือช่วงเวลายามว่าง เพื่อผ่อนคลายสมองนั่นเอง

Gaming
ปัจจุบันตลาดเกมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และผู้หญิงจำนวนมากนิยมหันมาเล่นเกมเพิ่มขึ้นในอัตรา +5% ซึ่ง Mobile Game สามารถทำให้ตลาดเกมสูงขึ้น ตั้งแต่ปี 2559 โดยมีอัตราเพิ่ม 8% สำหรับเกมที่ให้ดาวน์โหลดเล่นฟรีบนมือถือ ช่วยดึงดูดความสนใจชาวเกมเมอร์ทั้งหลายกว่า 34% เมื่อเทียบกับอัตราการซื้อเกมบนร้านค้าออนไลน์ เพียง 18% เท่านั้น
โดยหลายแพลตฟอร์มพยายามเปิดพื้นที่สร้าง Communication แก่เหล่าเกมเมอร์เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างการเล่นเกม เช่น Discord เพื่อให้การเล่นมีอรรถรสและสร้างความสัมพันธ์แก่ผู้เล่นในทีมอีกด้วย

E-sport
สำหรับวงการเกมอีสปอร์ตกำลังเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก และผู้ติดตามจำนวนมากหันให้ความสนใจการแข่งขันเกมต่างๆ การจัดงานอีสปอร์ตขึ้นนี้มักจะได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ดังที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าร่วมการโปรโมตภายในตัวด้วยนั่นเอง
โดยผู้ชายมีอัตรา 59% และผู้หญิงมีอัตรา 40% เท่านั้น เกือบเทียบเท่ากัน ซึ่งแต่ละ Generations เล่นเกมมากที่สุดได้แก่ Millennials (67%) รองลงมา Gen Z (64%) ,Gen X (47%) และ Babay Boomer (30%)
อย่างไรก็ตาม สื่อวงการบันเทิงยังคงมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของแต่ละ Gen ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด ต้องการมองหาพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย นักการตลาดควรมองหาแนวโน้มและทิศทางความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ เพื่อดึงความสนใจได้อย่างแม่นยำ
อ้างอิง : GWI

เปิดเบื้องหลังกลยุทธ์การตลาดกระจายสินค้าพรีเมียมให้แมส ของช็อกโกแลต Godiva

แบรนด์กับการแสดงจุดยืน เพราะแค่ขายของอย่างเดียวมันไม่พอ

สรุป 5 เทรนด์พฤติกรรมแต่ละ Gen เลือกเสพสื่อบันเทิงปี 2022 ที่ควรรู้

10 ไอเดียทำ VDO Content ลง IG ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มขึ้น

4 เสาหลักสำคัญ ของการทำ Customer Retention

โลตัส Pet Us เจาะกลุ่ม Pet Humanization เทรนด์ ตลาดสัตว์เลี้ยง กำลังมาแรง!!

คาดการณ์จากนักวิเคราะห์ Gartner : หาก Netflix มีโฆษณา

OOH กำลังกลับมา : เปิด 4 อินไซต์เพื่อสร้างอิมแพคให้เวิร์กกว่าเดิม

คอนเทนต์แบบไหนโดนใจผู้ใช้ Facebook, IG, Twitter, TikTok มาที่สุด ฉบับปี 2022

JoJo Maman Bébé พร้อมเข้าสู่การผลัดเปลี่ยนไปสู่ยุคใหม่

แจกฟรี 6 ฟอนต์ ภาษาไทยทางการ

“10 เทรนด์แห่งปี 2020” ที่นักการตลาดต้องรู้!! จาก DATA ลับของ Pinterest

เอาใจคนอยากฝึกภาษาให้เก่ง ด้วย Subtitle บน Netflix พร้อมกัน 2 ภาษา

นักศึกษาจีน โอกาสใหม่ของ (ธุรกิจ) มหาวิทยาลัยไทย?

โหลดฟรี! 40 Duotone Gradient Presets For Photoshop

พี่มาร์ค LIVE เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่จาก “Facebook Shop” ที่เติมเต็มคนขายของแบบเต็มสตรีม

7 เทรนด์ Content Marketing ปี 2021 ที่สายคอนเทนท์ต้องอ่าน!

สื่อชี้! กรมสรรพากร เล็งจะ ตรวจสอบภาษีโดยตรง ขายของออนไลน์หนาวแน่

ข่าวดี! Harvard เปิดให้เรียนออนไลน์ Computer Science ฟรี 9 คอร์ส – ตั้งแต่ For Business ไปจนถึงเขียนเกมส์

อนุมัติแล้วรถไฟฟ้าเชียงใหม่ เริ่มสร้างปี 64 จะผ่านบ้านใครบ้างมาดูกัน
Trending
- CREATIVITY3 ปี ago
แจกฟรี 6 ฟอนต์ ภาษาไทยทางการ
- NEWS UPDATE2 ปี ago
“10 เทรนด์แห่งปี 2020” ที่นักการตลาดต้องรู้!! จาก DATA ลับของ Pinterest
- LIFESTYLE3 ปี ago
เอาใจคนอยากฝึกภาษาให้เก่ง ด้วย Subtitle บน Netflix พร้อมกัน 2 ภาษา
- EDUCATION3 ปี ago
นักศึกษาจีน โอกาสใหม่ของ (ธุรกิจ) มหาวิทยาลัยไทย?
- CONTENT TIPS3 ปี ago
โหลดฟรี! 40 Duotone Gradient Presets For Photoshop
- EDUCATION2 ปี ago
พี่มาร์ค LIVE เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่จาก “Facebook Shop” ที่เติมเต็มคนขายของแบบเต็มสตรีม
- CONTENT TIPS1 ปี ago
7 เทรนด์ Content Marketing ปี 2021 ที่สายคอนเทนท์ต้องอ่าน!
- MARKETING TIPS3 ปี ago
สื่อชี้! กรมสรรพากร เล็งจะ ตรวจสอบภาษีโดยตรง ขายของออนไลน์หนาวแน่